ชีวิตเสพติดโลกออนไลน์ ถึงเวลา Social Detox หรือยัง? 

ชีวิตเสพติดโลกออนไลน์ ถึงเวลา Social Detox หรือยัง? 

ยุค Social ครองเมือง! 

เสพติดสารให้โทษ ต้องไปบำบัดที่โรงพยาบาล หรือ วัดพระบาทน้ำพุ แล้ว เสพติดโลกโซเซียล ต้องบำบัดที่ไหน? ไม่กล่าวเกินจริงเลย กับหัวข้อที่เราได้เกริ่นไว้ เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนก้มลง ไถ หน้าจอมือถือตรงหน้า มากกว่าจะเงยหน้าขึ้นมองสิ่งรอบข้างหรือหน้าผู้คน 

ยิ่งเดี๋ยวนี้การเสพข่าวมันมีสารพัด topic ที่คอยแย่งพื้นที่เต็มหน้าฟีด ไถไม่กี่ทีก็รู้เรื่อง จนทำให้คนเราเสพติดกันงอมแงม เรื่องไหนเป็นประเด็น เรื่องไหนเด่น เรื่องไหนดัง ยิ่งอยากรู้ ยิ่งไถ ไล่หา ไล่อ่าน ก้มหน้ามองจอแบบไม่มีพัก แต่การเสพที่มากไปย่อมส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ปัญหาสายตา ภาวะเครียด รวมไปถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอ 

สำหรับใครที่เข้าข่ายเสพติดโลกโซเชียลจนส่งผลต่อระบบชีวิตตนเอง อาจถึงเวลาที่ต้องบำบัดด้วยการ Social Detox เพื่อกลับมาสู่โลกออฟไลน์กันบ้าง แล้วต้องทำอย่างไร ตามมาดูกันเลย 

Social Detox คืออะไร 

เรามาทำความเข้าใจคำว่า Social Detox กันก่อน โดยถ้าเราดูความหมายจากการแยกเป็นคำ ๆ Social แปลว่า สังคม ซึ่งในรูปแบบนี้ เป็นคำที่มาจาก Digital หรือ Social Media คือ สื่อสังคมออนไลน์ เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ใช้สื่อสาร แบ่งปันเรื่องราว แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสาธารณชนผ่านทางอินเทอร์เน็ต ส่วนคำว่า Detox คือ การนำเอาสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้น Social Detoxคือ การบำบัดอาการเสพติดการใช้โซเชียลมีเดีย ที่ส่งผลให้เกิดความเครียดสะสม ทุกข์ใจ และพาลทุกข์กายไปด้วย หรือถ้าจะให้พูดง่าย ๆ Social Media Detox คือ พาตัวเองออกห่างจากโลกออนไลน์ ให้ร่างกายและสมองได้พักเสียบ้าง เสมือนได้ล้างสารพิษออกไปนั่นเอง 

อาการแบบไหนที่ต้อง Social Detox 

หลายคนที่เสพสื่อโซเชียลจนเข้าสู่ภาวะ Socialism แบบไม่รู้ตัว เพราะในแต่ละวันที่ต้องติดตามข่าวสาร หรือเรื่องราวต่าง ๆ แบบเรียลไทม์เพื่อใช้ในการทำงาน หรือใช้หาข้อมูลเพื่อเป็นความรู้ เช่น บางคนไม่รู้อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้นานแค่ไหน เมื่อไรที่ต้องเปลี่ยนแบตฯ บางคนอยากทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารแบบง่าย ๆ แต่คิดไม่ออกจะทำยังไงเพราะไม่มีพื้นที่มากพอ หรือช่วงนี้ฝุ่น PM 2.5 กลับมาอีกแล้ว จะกินอะไรช่วยบำรุงปอดดี ในขณะที่บางคนก็อาจใช้ช่องทางมีเดียเพื่อความบันเทิง แต่อาจมากเกินเบอร์แบบไม่รู้ตัว แต่ถ้าเมื่อไรที่มีอาการต่อไปนี้เกิดขึ้น นั่นคือสัญญาณเตือนว่า ได้เวลา Social Detox ลด ลบ เลิก ลา จากมือถือได้แล้ว 

  1. ปวดเมื่อยฝ่ามือ คอ บ่า ไหล่ จากการไถหน้าจอ ก้มมองมือถือ เป็นประจำ 
  1. ปวดตา แสบตา ตาพร่า น้ำตาไหล เพราะแสงหน้าจอมือถือมีแสงสีฟ้าที่มีส่วนในการทำลายจอประสาทตาให้เสื่อมสภาพลง และการเพ่งมองหน้าจอนาน ๆ ยังทำให้ตาแห้ง  
  1. กระวนกระวายใจ หงุดหงิด อยู่ไม่เป็นสุขเหมือนอะไรขาดหายไป เมื่อไม่ได้เล่นโซเชียลต่อเนื่อง หรือเกิดปัญหาติดขัด เช่น ติดงาน เครือข่ายล่ม แบตหมด จะรู้สึกไม่ปกติสุข อยากหยิบมือถือมาดู มาไถสักแป๊บ แค่นี้ก็ชื่นใจ ถ้ามีอาการแบบนี้ คุณเข้าข่าย Socialism เสพติดโซเชียลเต็มขั้น ต้องบำบัดด่วน! 
  1. นอยด์กับชีวิตตนเอง เพราะเอาชีวิตคนอื่นในโลกโซเชียลที่มักจะอวดความกินหรู อยู่แพง ไลฟ์สไตล์ไฮโซ มาเปรียบเทียบ ทำให้เกิดความน้อยใจ อยากมีอยากเป็นแบบเขา แล้วก็เก็บมาทำร้ายความรู้สึกตนเองจนเก็บกด เครียด ไม่มั่นใจตนเอง จนอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้า 

5 ขั้นตอน Social Detox 

  1. ลด เวลาการใช้โซเชียลเสียบ้าง แม้ว่ามันจะยากมากกกก เพราะแทบทุกแวดวงในยุคนี้ ต่างก็ขับเคลื่อนด้วย Social Media ทั้งในส่วนของการทำงาน และความบันเทิง ฉะนั้น หากลดการใช้โซเชียลแบบ 100% ไม่ได้ แต่ก็สามารถกำหนดเวลาและรูปแบบการใช้งานได้ โดยยังคงใช้ในส่วนของการทำงาน แต่นอกเหนือความจำเป็น เช่น การไปส่องดูคนอื่น โพสต์รูป โพสต์ข้อความ ควรจะลด ๆ ลงเสียบ้าง จะได้ไม่ต้องเอาเวลาไปจมกับหน้าจอมือถือทั้งวัน 
  1. ลบ แอปออกเสียบ้าง โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่แทบจะไม่ได้ใช้ เพราะนอกจากจะกินพื้นที่จนเครื่องหนัก ยังทำให้เราคอยมองจอเพราะมักจะมีข้อความเตือน คนนั้นโพส คนนี้อัพรูป โดยที่เราเองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่กลับเสียเวลาในการมองจอด้วยความเคยชิน เพราะฉะนั้นปิดการแจ้งเตือน หรือถ้าไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ ก็ลบแอปออกไปเลย เพื่อควบคุมการเสพติดหน้าจอ
  1. ล่อง ล่องหนหายจากการอัพเดทเรื่องราวของคนอื่น และอัพเดทเรื่องราวของตนเองบนโลกออนไลน์เสียบ้าง ไปล่อง เลาะ เที่ยวกับโลกความเป็นจริง และสิ่งรอบตัวเสียบ้าง เช่น ไปเที่ยวชมธรรมชาติ ไปต่างจังหวัด หรือหากิจกรรม งานอดิเรก เวิร์คชอปต่าง ๆ สนุกไปกับสิ่งรอบตัว ได้อัพสกิล ทักษะ และความสามารถของตนเอง 
  1. เลิก เล่นโซเชียลก่อนนอน เพราะการเล่นมือถือก่อนนอนรบกวนเวลาการนอน ทำให้นอนหลับยากหรือหลับไม่สนิท การพักผ่อนไม่เต็มที่ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ รวมถึงประสิทธิภาพในด้านอื่น ๆ 
  1. ลา ปิดบัญชี เป็นการบำบัดขั้นเด็ดขาด ยิ่งช่วงไหนที่รู้สึกไม่แฮปปี้หนักมาก การปิดบัญชี เพื่อโบกมือลา นับว่าเป็นข้อที่ควรทำอย่างยิ่ง โดยก่อนปิดบัญชีอาจแจ้งเพื่อน ๆ ให้เข้าใจถึงเหตุผลในการปิดแอคเคาท์ของตนเสียก่อน เพราะเราอาจกลับมาใช้โซเชียลอีกครั้ง หลังจากได้เยียวยาจิตใจดีขึ้น  

Social Media ก็เสมือนดาบสองคม เราจะได้ประโยชน์หากใช้โซเชียลให้เป็น แต่ถ้าใช้ไม่ถูกต้อง หรือเสพติดมากเกินไป เป็น Socialism จนส่งผลเสียต่อระบบชีวิต กลายเป็นพิษต่อร่างกายและจิตใจ ก็ต้องบำบัดออกเสียบ้าง จะได้ไม่เป็นทาสโลกออนไลน์  

administrator

Related Articles