เด็กหอต้องเคยเจอบ่อยๆ แน่ๆ เพราะห้องเดียวกิจกรรมพันแปด อ่านหนังสือ ทำอาหาร ทานเข้าว บางทีก็ออกกำลังกาย ทำให้สารพัดกลิ่นยังคงอยู่ในห้องไม่ยอมไปไหน หนักกว่านั้นคือในช่วงหน้าร้อนที่คนชอบเปิดแอร์และก็ไม่ได้เปิดหน้าต่างระบายอากาศเมื่อออกจากห้อง ตอนอยู่ในห้องน่ะ จมูกเราชินกลิ่นไปแล้ว แต่พอได้ออกข้างนอกกลับมาล่ะทีนี้รู้เลย จนบางคนอาจสงสัยว่านี่เราอยู่ไปได้ยังไง
แต่ไม่ต้องกังวล เพราะกลิ่นอับของห้องสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีง่ายๆ คืนอากาศที่สดชื่นให้ห้องในเวลาไม่นาน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ทำความสะอาดห้องนอน
บางทีเราไม่รู้เเหมือนกันว่ากลิ่นอะไรที่มันทำให้ห้องเราอับ เราก็ปูพรมจัดการไปเลย เก็บกวาดห้อง จัดห้อง ถูพื้น ทำห้องให้โล่งจะได้เห็นได้ชัดว่าอะไรกันแน่ที่เป็นตัวก่อกลิ่น ถึงแม้เราจะยังไม่ได้คำตอบในขั้นนี้ แต่อย่างน้อยการได้จัดห้องก็ทำให้ห้องน่าอยู่ขึ้นเยอะนะ
โดยเฉพาะบางคนสายเก็บ กล่องนั่นก็สวย กล่องนี้ก็น่าจะใช้ประโยชน์ได้ ถ้าได้เคลียร์สิ่งต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ ยังไงก็จะช่วยลดกลิ่นอับได้แน่ๆ
เปิดหน้าต่างระบายอากาศ
เข้าใจแหละว่าด้วยสภาพอากาศบ้านเรา โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ไม่ได้มีอากาศที่สดชื่นเท่าไหร่ แต่การเปิดหน้าต่างให้อากาศในห้องได้ไหลเวียน ได้ถ่ายเทสะดวกมากขึ้น จะทำให้กลิ่นในห้องกระจายออกไปข้างนอก แต่เราไม่จำเป็นต้องเปิดนานเกินไปก็ได้ เพราะฝุ่นควันที่เข้ามานั้นเป็นอันตรายมากกว่ากลิ่นในห้องอีกนะ
หรือถ้าใครอยากได้แบบรวดเร็วก็อาจจะซื้อสเปรย์ปรับอากาศ สเปรย์ดับกลิ่นมาฉีดให้ห้องมีกลิ่นสดชื่นขึ้น แต่ยังไงก็ช่วยได้ไม่นานหรอกนะ ต้องมีการเปิดรับลมบ้าง บางคนอาจไม่กังวลเรื่องฝุ่นควันเท่าไหร่ เพราะมีเครื่องฟอกอากาศส่วนตัว จะช่วยได้เยอะเลย แถมอาจไม่ต้องเปิดหน้าต่างบ่อยๆ ด้วยนะ
เสื้อผ้าสะสมกลิ่นอับ
อีกส่วนหนึ่งที่คนอาจจะมองข้ามกันไปก็คือเสื้อผ้าภายในห้องที่ไม่ค่อยได้ใส่ หรือเสื้อผ้าเก่าทั้งสัปดาห์วางทิ้งไว้ในห้อง นอกจากจะสร้างกลิ่นอับแล้ว ยังทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ได้ด้วย ซึ่งหากวางไว้ใกล้ๆ เสื้อผ้าที่เรายังไม่ได้ใส่จะดูดกลิ่นจากเสื้อผ้าเก่าเข้าไปด้วยนะ
วิธีการแก้อาจเป็นการใช้เงินแก้ปัญหาหน่อย แต่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกเพราะต้องซื้อติดห้องไว้อยู่แล้ว นั่นก็คือเปลี่ยนสูตรผงซักฟอกแล้วน้ำยาปรับผ้านุ่มให้เป็นสูตรลดกลิ่นอับนั่นเอง เพราะสูตรลดกลิ่นอับจะช่วยลดแบคทีเรียในผ้าเราได้เยอะกว่าสูตรปกติ นอกจากเสื้อผ้าจะสะอาดยังทำให้ห้องมีกลิ่นสดชื่นอีกด้วย
และที่สำคัญอย่าลืมตากทันทีที่ซักเสร็จ เพราะหลายคนอาจจะยังชอบทิ้งไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยตากก็ได้ เพิ่งซักเสร็จเอง แต่เพราะเพิ่งซักเสร็จนี่แหละ ความชื้นต่างๆ แถมอุณหภูมิกำลังดีที่เหล่าแบคทีเรียเกิดใหม่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว นอกจากจะทำให้เกิดกลิ่นแล้ว ยังอาจทำให้เกิดจุดราต่างๆ ได้ และจะให้ดีที่สุด ตากตอนแดดจัดๆ ได้ก็ยิ่งดี ผ้าแห้งไว กลิ่นยังหอมเหมือนเดิม
ตัวช่วยดูดกลิ่นภายในห้อง
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับตัวดูดกลิ่นกันอยู่แล้ว แถมบางอย่างยังใกล้ตัวมากๆ หาได้ง่ายๆ โดยเรามาแนะนำ 5 อย่างนี้
- ถ่านหุงต้ม: เชื่อว่าหลายคนคุ้นเคยกันแน่ๆ โดยเฉพาะเหล่าผู้สูงอายุที่สมัยเด็กเห็นแม่เอาถ่านไปใส่ไว้ในตู้เย็น โดยเราสามารถนำถ่านเหล่านี้ห่อด้วยผ้าขาวบางเพื่อกันเปื้อนสิ่งของภายในห้อง วางไว้ตามมุุมหรือตามจุดอับต่างๆ บอกเลยว่าเอาอยู่แน่นอน
- สบู่ก้อน: ก่อนหน้านี้มีเทรนด์ฮิตนำสบู่นกแก้วกลิ่นพีชมาขูดๆ แล้ววางไว้ในห้อง ทำให้ห้องมีกลิ่นสดชื่นขึ้น บอกเลยว่านี่คือวิธีที่ถูกต้องเลย เพราะปกติหากไม่ใช่การนำสบู่ทั้งก้อนมาวางตามจุดอับ ก็จะเป็นการขูดให้กลิ่นสบู่ออกมาเพิ่มขึ้น แถมถ้ามีสบู่กลิ่นที่ชอบเข้าไปอีก แทบไม่อยากออกจากห้องนอนเลยล่ะ
- น้ำมะนาว: อีกวิธีที่ทำตามได้ง่ายๆ เพียงนำน้ำอุ่นผสมกับน้ำมะนาว แล้วนำผ้าไปชุบ บิดหมาดๆ วางไว้ตามมุมอับต่างๆ หรือเช็ดโต๊ะ ซอกซอนต่างๆ ก็จะช่วยให้กลิ่นห้องกลับมาสดชื่นสุดๆ
- เบกกิ้งโซดา: แอดวานซ์ขึ้นมาหน่อย ก็คือการนำเบกกิ้งโซดาโรยไว้ตามมุมอับ หรือห่อไว้ในผ้าบางๆ ก็ได้ จะทำให้ลดกลิ่นอับและไม่ส่งกลิ่นอื่นๆ ออกมาอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้ห้องมีกลิ่นที่แฟนซีเกินไปนัก
- กากกาแฟ: สายกาแฟไม่น่าพลาด นอกจากจะทำให้กลิ่นอับลดลง ยังทำให้ห้องมีกลิ่นเครื่องดื่มที่ชอบด้วย ไม่ใช่แค่นั้น สำหรับผู้ที่หลงไหลในกลิ่นกาแฟอยู่แล้ว กลิ่นที่ออกมาจะกลายเป็นกลิ่นอโรม่าที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับง่ายขึ้นด้วยนะ
ปลูกต้นไม้ในห้อง
เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงมีต้นไม้กระถางโปรดติดห้องไว้อยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากในเรื่องของความสวยงาม ต้นไม้ยังมีส่วนช่วยให้ห้องเราหายเหม็นอับด้วยนะ โดยต้นไม้ลดกลิ่นอับที่คนมักนิยมกันก็คือ พลูด่าง ลิ้นมังกร เดหลี เขียวหมื่นปี มอนสเตอร่า ไทรใบหยก หรือเฟิร์นบอสตัน แม้กระทั่งว่านหางจระเข้ก็ช่วยได้เหมือนกันนะ
สำหรับผู้ที่ไม่ขัดสนเรื่องเงินอาจเพิ่มตัวเลือกในส่วนของเครื่องฟอกอากาศเข้าไปด้วยก็ได้เช่นกัน หรือจะเป็นเครื่องหอม เครื่องทำกลิ่นต่างๆ มาด้วยก็ได้ ปัจจุบันมีหลายแบนด์หลายกลิ่นให้เลือกสรร สามารถเลือกได้ตามความต้องการของเราได้เลย
ถ้าหากวิธีต่างๆ ด้านบนยังไม่ตอบโจทย์ กลิ่นที่ว่าก็ยังอยู่ อาจจะต้องดูสาเหตุอย่างจริงจัง เช่น รองเท้ามีกลิ่น เศษอาหารหล่นโดยที่เราไม่เห็น พรมเช็ดเท้าที่อยู่ตรงนั้นนานเกินไปแล้ว หรือจะเป็นผ้าปูที่นอนก็เป็นได้ แต่ละคนก็ลองไปหาวิธีของตัวเองกันดูนะ ต้องมีซักทางที่กลิ่นอับในห้องของเราหายไปอยู่อย่างแน่นอน